แบร์นาโด้ ซิลวา เตรียมย้ายซบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจบซีซั่นนี้

เมื่อไม่นานนี้ ได้มีรายงานจาก สื่อชั้นนำในเมืองผู้ดี ว่าในขณะนี้ แบร์นาโด้ ซิลวา ได้มีการตกลงว่าจะย้ายไปร่วมทัพ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ในช่วงหลังจบซีซั่นนี้ เพื่อโอกาสในการลงสนามที่มากขึ้นกว่าเดิม

ล่าสุดได้มีรายงานจาก สื่อชื่อดังในประเทศอังกฤษ อย่าง The mirror ว่า ในตอนนี้ แบร์นาโด้ ซิลวา แนวรุกทีมชาติโปรตุเกสของ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ สโมสรยักษ์ใหญ่ในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ

เตรียมย้ายไปค้าแข้งกับสโมสรคู่ปรับอย่าง “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในช่วงหลังจบซีซั่นนี้ หลังนักเตะมีความต้องการที่จะได้รับโอกาสลงสนามเป็นตัวจริงมากกว่าเดิม

สำหรับ แนวรุกวัย 25 ปี อย่าง แบร์นาโด้ ซิลวา เขาได้ย้ายมาร่วมทัพ “เรือใบสีฟ้า” ในช่วงปี 2017 ด้วยค่าตัวราว ๆ 43 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 1,700 ล้านบาท โดยตลอดระยะเวลาที่เขาย้ายมานั้น เขาก็มักจะได้รับโอกาสลงสนามอยู่บ่อยครั้ง แต่เป็นในฐานะตัวสและล่าสุดทางด้าน The mirror สื่อชั้นนำในประเทศอังกฤษ ก็ได้ออกมาตีข่าวว่า

ในตอนนี้ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรคู่ปรับของ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กำลังเจรจาเกี่ยวกับเรื่องสัญญาการค้าแข้งของ แบร์นาโด้ ซิลวา อยู่ ซึ่งการเจรจาทั้งหมดก็ผ่านไปด้วยดี

แบร์นาร์โด้ ซิลวา วอน ผู้ตัดสินช่วยปกป้องนักเตะ แมนฯ

ซึ่งแน่นอนนักเตะระดับ แบร์นาโด้ ซิลวา ไม่ค่อยที่จะมานั่งเป็นตัวสำรองของ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ซิตี้ เลยสักนิด เพราะความสามารถระดับเขา สามารถลงสนาทเป็นตัวจริงให้กับ เรอัล มาดริด หรือ บาร์เซโลนา ได้อย่างสบาย ๆ

ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ก็มักจะมีข่าวเสมอว่า แบร์นาโด้ ซิลวา สนใจย้ายออกจากถิ่น “เอติฮัด สเตเดี้ยม” เพื่อไปหาโอกาสลงเล่นกับสโมสรที่เห็นคุณค่าในฝีเท้าของเขา

และล่าสุดทางด้าน The mirror สื่อชั้นนำในประเทศอังกฤษ ก็ได้ออกมาตีข่าวว่า ในตอนนี้ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรคู่ปรับของ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กำลังเจรจาเกี่ยวกับเรื่องสัญญาการค้าแข้งของ แบร์นาโด้ ซิลวา อยู่ ซึ่งการเจรจาทั้งหมดก็ผ่านไปด้วยดี

ทั้งนี้ แบร์นาโด้ ซิลวา ก็จะย้ายมาสวมวิญญาณ “ปีศาจแดง” ในช่วงหลังจบซีซั่นนี้ ด้วยค่าตัวราว ๆ 50 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 2,000 ล้านบาท เซ็นสัญญา 5 ปี พร้อมกับการการันตีตัวจริงในศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ให้กับเขา

#kao-sport #แบร์นาโด้ ซิลวา #แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด#ข่าวฟุตบอล

ขอขอบคุณภาพจาก