โยอาคิม เลิฟ กุนซือมาดหล่อ ทีมชาติเยอรมัน ออกมายืนยันแล้วว่า เขาจะวางมือจากการคุมทัพอินทรีเหล็ก หลังจบฟุตบอลยูโร 2022
โยอาคิม เลิฟ กุนซือวัย 61 ปี รับไม้ต่อจาก เจอเกนย์ คลินสมันซ์
ในการคุมทีมชาติเยอรมัน ตั้งแต่ปี 2006 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน กินเวลายาวนานถึง 17 ปี โดยเขาพาทีมคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2014 และได้รองแชมป์ฟุตบอลยูโร 2008 โดยสัญญาของเขาจะหมดลงในปี 2022 พอดิบพอดี
ซึ่งทาง โยอาคิม เลิฟ ได้กล่าวว่า
“ผมได้มีโอกาสคิดทบทวนแล้ว และผมก็ได้ตัดสินใจไปแล้วว่าจะวางมือจากการคุมทีมชาติเยอรมัน มันเป็นความภูมิใจของผม ที่ได้ทำในสิ่งนี้ และผมยังมีความกระหายที่จะพาทีมชาติเยอรมัน ประสบความสำเร็จ ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปในครั้งนี้
ผมได้ร่วมงานกับสุดยอดนักเตะของประเทศ มายาวนานกว่า 17 ปี มีส่วนร่วมในการผลักดัน และเฝ้าดูพัฒนาการของพวกเขาอยู่ตลอด
ผมผ่านการพ่ายแพ้ร่วมกับพวกเขา และแน่นอนผมผ่านการประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่มากับพวกเขาเช่นกัน และยังมีช่วงเวลาที่ดีอีกมากมาย ที่เล่าไปก็คงไม่หมด ไม่ใช่แค่ตอนที่ได้แชมป์ฟุตบอลโลกปี 2014 มันยังมีอีกหลายอย่าง
ผมต้องขอขอบคุณสมาคมฟุตบอลเยอรมัน ที่ให้ความไว้วางใจ และช่วยเหลือพวกเรามาตลอด
ผมยังมีความต้องการที่จะพาทีมประสบความสำเร็จ ในการแข่งขันฟุตบอลยูโร ที่กำลังมาถึงในอีกไม่ช้า ผมจะทุ่มเทอย่างเต็มที่ เพื่อทำให้แฟนบอลมีความสุข และแน่นอนทุกคนที่มีส่วนร่วมกับทีมชาติเยอรมัน จะได้รับความสุขนี้ไปด้วยกัน”
โดยตัวเต็งที่จะเข้ามารับงานแทน โยอาคิม เลิฟ คือสองกุนซือชื่อดังของยุคอย่าง
เจอเกนย์ คล็อปป์ กุนซือจอมพลังของ ลิเวอร์พูล ยอดทีมอันดับที่ 8 ในตารางพรีเมียร์ลีกในปัจจุบัน และ ฮานซี่ ฟลิค กุนซือของ บาเยิร์น มิวนิค ผู้พาทัพเสือใต้คว้าแชมป์ยูฟ่า แชมป์เปียนลีก แชมป์บุนเดสลีก้า และแชมป์เดเอฟเบ โพคาล ในฤดูกาลที่ผ่านมา
โยอาคิม เลิฟ เคยคุมสโมสร สตุ๊ตการ์ท ช่วงปี 1996-1998 พาทีมคว้าแชมป์เดเอฟเบ โพคาล ในฤดูกาล 1996/1997 และได้รองแชมป์ฟุตบอลคัพวินเนอร์สคัพ ในฤดูกาล 1997/1998 จากนั้นเข้ารับงานผู้ช่วยผู้จัดการทีมชาติเยอรมัน ภายใต้การคุมทัพของ เจอเกนย์ คลินมันซ์ ในปี 2004 และก้าวขึ้นมารับตำแหน่งแทน ในปี 2006 คุมทีมลงสนามมาทั้งหมด 189 นัด ชนะ 120 เสมอ 38 และแพ้ 31 นัด ได้รับรางวัลกุนซือยอดเยี่ยมประจำฟุตบอลโลก 2014 และรางวัลกุนซือยอดเยี่ยมแห่งปีของเยอรมัน ในปี 2014
#kao-sport #โยอาคิม เลิฟ #ทีมชาติเยอรมัน #อินทรีเหล็ก
ขอขอบคุณภาพจาก
- www.google.com